ผงคอลลาเจน: สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อ?

 Ulia Sausmikat กล่าวต่อไปว่า: "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนไฮโดรไลเสตมักถูกโฆษณาว่าสามารถบรรเทาความเสียหายต่อกระดูกอ่อนข้อและอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมได้ อย่างไรก็ตาม การกล่าวอ้างว่าโฆษณาเกี่ยวกับโรคดังกล่าวเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การศึกษาที่สนับสนุนผิวหรือกระดูกอ่อนโดยการบริโภคคอลลาเจนในคนที่มีสุขภาพดี คนครอบครองขาด " หลังจากการตรวจสอบโดย European Food Safety Authority (EFSA)อาหารเสริมกระดูกข้อเข่า  สหภาพยุโรปได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเกี่ยวกับคอลลาเจนในอาหารที่อ้างถึงโครงสร้างผิวที่ดีขึ้นและสุขภาพข้อต่อเนื่องจากขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ผู้สนับสนุนผู้บริโภคอธิบาย

ผลิตภัณฑ์ไม่เป็นอันตราย Julia Sausmikat อธิบายถึงสิ่งที่ควรระวังเมื่อซื้อคอลลาเจนผง: "หากคุณไม่ต้องการนำผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู คุณควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการติดฉลากผลิตภัณฑ์ - คอลลาเจนส่วนใหญ่ได้มาจากเปลือกหมู และ: มี ไม่มีคอลลาเจนเจ ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าวีแกนมักจะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนไกลซีน, โพรลีน, ไฮดรอกซีโพรลีนและแอล-ไลซีนและไม่มีคอลลาเจน

"ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนเป็นอาหารที่ถูกต้องตามกฎหมายและต้องมีความปลอดภัยโดยพื้นฐาน ผู้ผลิตต้องระบุปริมาณที่ไม่ควรเกิน" นักโภชนาการอธิบาย อย่างไรก็ตาม มีผลข้างเคียงที่เป็นไปได้: "ผลิตภัณฑ์ที่มีคอลลาเจนสามารถกระตุ้นปฏิกิริยาการแพ้และการแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ปลาถ้าคอลลาเจนทำจากหนังปลา" สารก่อภูมิแพ้ดังกล่าวจะต้องติดฉลาก

สารที่เติมบ่อย ๆ เช่น นิโคตินาไมด์หรือกรดนิโคตินิก (วิตามิน B3) ก็อาจเป็นปัญหาได้เช่นกัน เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถกระตุ้นปฏิกิริยาการแพ้ เช่น หน้าแดงและร้อนวูบวาบหากบริโภคมากเกินไป "ผลิตภัณฑ์ไม่ควรมีกรดนิโคตินิกมากกว่า 4 มิลลิกรัม นิโคตินาไมด์ 160 มิลลิกรัม หรืออิโนซิทอลเฮกซานิโคติเนต (อิโนซิทอลไนอาซิเนต) 4.4 มิลลิกรัมต่อวัน" นอกจากนี้ อาหารเสริมที่มีคอลลาเจนบางครั้งอาจมีสารเพิ่มการดูดซึม เช่น ไพเพอรีน สารสกัดจากพริกไทยดำ Julia Sausmikat ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยูซีทู กล่าว "ตามข้อมูลของสถาบันแห่งชาติเพื่อการประเมินความเสี่ยง (BfR) ผู้ใหญ่ไม่ควรบริโภคไพเพอรีนที่แยกได้เกินสองมิลลิกรัมต่อวันผ่านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร BfR แนะนำให้สตรีมีครรภ์ไม่ใช้ยาดังกล่าว"